ข้อมูลประเทศเนปาล |
สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงกาฐมาณฑุ |
สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงกาฐมาณฑุ ธาเมล(Thamel) เป็นศูนย์กลางความเจริญของกรุงกาฐมาณฑุ สองข้างทางเต็มไปด้วยบริษัททัวร์ต่างๆโรงแรมที่พักราคาถูก ร้านอาหารนานาชาติ ร้านขายของ ร้านอินเทอร์เน็ต ฯลฯ จึงเป็นจุดพักของนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงเนปาลเพื่อการวางแผนท่องเที่ยวในส่วนต่างๆของประเทศต่อไป นอกจากนี้ย่านธาเมลยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่แสนคึกคัก โดยเฉพาะสินค้าจำพวกหัตถกรรมพื้นเมือง เครื่องประดับที่ทำจากหินต่างๆและอุปกรณ์สำหรับการเดินป่า ลักษณะคล้ายกับถนนข้าวสารของเมืองไทย ธาเมลนี้ครอบคลุมตั้งแต่ทิศใต้ของพระราชวังเล็กๆที่ชื่อว่า Tahiti Tole หากเดินมาตามถนนนั้น ทางด้านตะวันตกจะเป็นถนนหลักที่ชื่อว่า กานติปาถ (Kantipath) ซึ่งมีรถโดยสารเพื่อเดินทางไปยังเมืองภักตะปุร์ เล่นมาร์กของธาเมลคือ กาฐมาณฑุเกสต์เฮาส์ (Kathmandu Guest House) ที่ไม่ไกลนักจะมีร้าน Pilgrims Book House ซึ่งเป็นร้านหนังสือภาษาอังกฤษขนาดใหญ่ที่สุดในกาฐมาณฑุ วัดมัจเฉนทรนาถ (Machchhendranath Temple) วัดสเวตา มัจเฉนทรนาถ (Sweta Machchhendranath) อยู่ที่มัจเฉนทระ พาฮาล (Machchhendra Bahal) ซึ่งอยู่ระหว่างอินทราฉอก (Indra Chowk) และอะสัน (Asan) วัดนึ้ขึ้นชื่อเรื่องเจดีย์ที่มีความงดงามทางศิลปะ โดยมีเทพผู้ปกปักรักษาวัดนี้ชื่อว่า ชันมัทโย (Janmad-yo) หรือมัจเฉนทระ (Machchhendra) วัดอากาศ ไภราพ (Akash Bhairav Temple) เป็นวัดที่มี 3 ชั้น ตั้งอยู่ที่ถนนหลักชื่อ อินทรา ฉอก โดยมีการนำรูปปั้นอากาศ ไภราพ มาจัดแสดงด้านหน้าวัดเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ในช่วงระหว่างเทศกาลอินทรา ยาตรา ซึ่งเป็นเทศกาลของพระอินทร์ผู้เป็นเทพแห่งฝน พระราชวังหนุมานโธกา (Hanuman Dhoka Palace or Old Royal Palace) เป็นอาคารแบบยุโรปสีขาว มีหอสูง 9 ชั้น ที่เรียกว่าหอพะสันตะปุร์ (Basatapur Tower) พระราชวังนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอันสำคัญในราชวงศ์และเม่อเวลาที่พระมหากษัตริย์เสด็จออกชมการสวนสนามของทหาร ที่ประตูทางเข้าจะมียามรักษาการณ์คอยดูแลและไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างในพระราชวังด้วย จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ (Kathmandu Durbar Square) จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยวัดและปราสาทที่เก่าแก่ ซึ่งแสดงภาพความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมของชาวเนปาล เนื่องจากเป็นสถานที่ที่กษัตริย์เนปาลประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ สถานที่น่าสนใจที่ควรไปชม ได้แก่ วัดตะเลชุ สร้างโดยกษัตริย์มเหนทรา มัลละ (King Mahendra Malla) ในปี พ.ศ. 2092 วัดกาฬ ไภราพ ซึ่งเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง (King of Destruction) เนาตาลล์ ดูร์บาร์ (Nautalle Durbar) พิธีสวมหมวกเหล็ก (Coronation Nasal Chowk) กัดดี้ ไพธาก (Gaddi Baithak) รูปสลักของกษัตริย์ประตาปมัลละ (Statue of King Pratap Malla) กลองยักษ์ และวัดจากกานนาถ (Jagannath Temple) จัตุรัสแห่งนี้ยังคงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2522 อีกด้วย หนุมานโธกา (Hanuman Dhoka) รูปปั้นหนุมานตั้งบนแท่นสูงตรงประตูพระราชวังทำหน้าที่เป็นนายทวารคอยรักษาประตูทางเข้าพระราชวัง มีประชาชนมาสักการะอยู่เสมอเสมือนเทพองค์หนึ่ง วัดกุมารี หรือกุมารี ฆระ (Temple of Kumari or Kumari Ghar) ที่พำนักของเทพธิดากุมารี (ตามความเชื่อของชาวเนปาลนั้น กุมารีคือตัวแทนแห่งพระอุมา เป็นเทพบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดในโลกมนุษย์ ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากเด็กหญิงอายุ 3-5 ปี จากตระกูลศากยะหรือตระกูลของพระพุทธเจ้าเท่านั้น การเลือกนั้นพิจารณาจากหลายสิ่งประกอบกัน ทั้งยังต้องผ่านการทดสอบและตรวจดวงชะตาจนครบถ้วน เมื่อเสร็จพิธีการจะได้รับการอัญเชิญไปพำนักที่วังกุมารีเป็นการถาวร จนกว่าจะมีรอบเดือนหรือมีเลือดออกจากเหตุการณ์ใดๆก็ตาม นับเป็นการสิ้นสุดภารกิจดำรงตำแหน่งกุมารี) กาฐมาณฑป (Kasthamandap) เป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่สุด และเป็นต้นกำเนิดของชื่อเมืองกาฐมาณฑุ ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับวัดกุมารี กล่าวกันว่าสถานที่นี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ลักษมีนาสิงห์ มัลละ (King Laxmi Narsingha Malla) ในตอนต้นศตวรรษที่ 16 และสร้างจากต้นสาละเพียงต้นเดียว กาฬ ไภราพ (Kala Bhairab) รูปสลักขนาดใหญ่ของพระอิศวรปางดุร้าย เดิมทีนั้นพบที่ทุ่งนาตอนเหนือของตัวเมืองในศตวรรษที่ 18 เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ส่วนมากจะใช้เพื่อตัดสินคดีความโดยจะนำคนที่พูดเท็จมาสาบานต่อหน้ารูปสลักแห่งนี้ วัดตะเลชุ (Taleju Temple) วัดประจำองค์พระมหากษัตริย์ เนื่องจากมีความเชื่อว่เทพตะเลชุคือเทพที่ปกปักรักษาองค์พระมหากษัตริย์และประเทศเนปาล อโศก วินายัก (Ashok VInayak) แม้จะเป็นวัดเล็กๆแต่ก็มีความสำคัญมาก ตั้งอยู่หลังกาฐมาณฑป ซึ่งเรียกขานกันอีกชื่อว่า กาฐมาณฑุ คเณศ (Kathmandu Ganesh) หรือมารุคเณศ (Maru Ganesh) ชัยศิ เทวัล (Jaishi Dewall) ใช้เวลเดินจากกาฐมาณฑปเพียง 5 นาที เท่านั้น วัดชัยศิ เทวัล แห่งองค์พระศิวะ (Shiva Temple of Jaishi Dewal) นี้มีชื่อเสียงในด้านภาพสลักแนวอีโรติกและยังเป็นเส้นทางผ่านของขบวนแห่ราชพิธีในเทศกาลอินทรา ยาตรา และเทศกาลอื่นอยู่เนืองๆ ตุนทิเขล (Tundikhel) สนามหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้กินพื้นที่ด้านหนึ่งของตัวเมือง มีสถานที่สำคัญของหุบเขากาฐมาณฑุหลายแห่ง ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดเขตของตุนทิเขลนั้นมีอาคารสูง 59.29 เมตร สร้างโดยนายกรัฐมนตรีภีมเสน ธาปา (Bhimsen Thapa) ในปีพ.ศ.2375 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อธาราฮารา หรือภีมเสน สะตัมภะ (Dharahara or Bhimsen Stambha) มีน้ำพุสุนธระ (Sundhara Fountain) ท่อพ่นน้ำสีทองซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านล่างของอาคารแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีเดียวกับอาคารนี้ ประตูแห่งความทรงจำของผู้ที่ยึดมั่นในศาสนาหรือประตูซาฮิด (Martyrs Memorial Gates or Sahid Gates) ตั้งอยู่ระหว่างภีมเสน สะตัมภะ และวัดภัทราลี ส่วนโค้งเหนือประตูนี้ มีรูปปั้นของพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพระนามว่าตริภูวัน พีร์ พิกรม ชาห์ เทพ (King Tribhuvan Bir Bikram Shah Dev) และรูปปั้นครึ่งตัวของผู้ยึดมั่นศาสนาทั้ง 4 คน วัดภัทระกาลี (Bhadrakali Temple) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของตุนทิเขล ใกล้ๆกับประตูซาฮิด เป็นวัดแห่งเทพธิดาภัทระกาลี วัดนี้มีชื่อที่เรียกขานกันทั่วไปว่า วัดลุมาร์หิ (Lumarhi) และยังเป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองกาฐมาณฑุอีกด้วย สิงหะ ดูร์บาร์ (Singha Durbar) เป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ตระการตา สร้างขึ้นในรูปแบบนีโอ-คลาสสิก สิงหะ ดูร์บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ส่วนบุคคลของอดีตนายกรัฐมนตรีรานา (Prime Minister Rana) ในปัจจุบันสถานที่นี้ได้กลายเป็นสำนักงานเลขาธิการของรัฐบาลในพระมหากษัตริย์แห่งเนปาล นารายัณหิตี ดูร์บาร์ (Narayanhity Durbar หรือ Narayahiti Royal Palace) พระราชวังหลวงปัจจุบัน มีน้ำพุเก่แก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชื่อว่า นารายัณหิตี ตั้งอยู่ที่ส่วนด้านใต้ของพระราชวัง สามารถเข้าเยี่ยมชมพระราชวังนี้ได้เฉพาะวันพฤหัสบดี เวลา 13.00-15.00 น. หอสมุดไกเซอร์ (Kaiser Library) ตั้งอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ บริเวณไกเซอร์มาฮาล (Kaiser Mahal) ในย่านธาเมล หอสมุดไกสาร์แห่งนี้เป็นหอสมุดที่เก็บรวบรวมหนังสือหายากและคัมภีร์ต่างๆ สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการต่างๆ เปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ในฤดูร้อน และเวลา 09.00-16.00 น. ในฤดูหนาว (15 ธันวาคม-15 กุมภาพันธ์) สอบถามเพิ่มเติมที่ 4411318 พุทธนิลกัณฐะ (Budhanilkantha) ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปประมาณ 8 กิโลเมตร ฐานของเขาศิวะปุรี (Shivapuri Hill) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปสลักหินของพระวิษณุ (Lord Vishnu) ในท่านอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยงูกลางเกษียณสมุทร จัดได้ว่าเป็นงานแกะสลักหินฝีมือเยี่ยมในยุคลิจฉวี (Lichchhavi period) รูปสลักอายุกว่า 5 ปี ศตวรรษนี้ตั้งอยู่กลางของสระน้ำเล็กๆทำให้ดูเหมือนลอยอยู่เหนือน้ำ สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath) หรือวัดลิง เป็นเจดีย์ของชาวพุทธ (Buddhist Chaityas) ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก กล่าวกันว่าน่าจะมีอายุถึง 2,000 ปี เลยทีเดียว สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ามานะเทวะ ในปี พ.ศ.963 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ ส่วนตรงฐานของสถูปซึ่งมีดวงตาเห็นธรรม หรือ Wisdom Eyes ของพระพุทธเจ้าอยู่โดยรอบทั้ง 4 ด้าน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตก 2 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินี้เป็นที่รวบรวมอาวุธและสิ่งประดิษฐ์ที่วิจิตรประณีตของเนปาลไว้ตั้งแต่ยุดโบราณ ยุคกลาง จนกระทั่งปัจจุบันโดยการจัดแสดงทางโบราณคดีและทางประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับว่าคุ้มค่ากับการเข้าชมเป็นอย่างมาก พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคารและวันหยุดราชการ ฤดูร้อน เปิดเวลา 09.00-16.00 น. ฤดูหนาว เปิดเวลา 09.00-15.00 น. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ตั้งอยู่หลังเนินเขาสวะยัมภนาถ ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทาทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์นี้ เป็นแหล่งรวบรวมสัตว์ต่างๆ อาทิ ผีเสื้อ ปลา สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต้นไม้ และซากฟอสซิลหลากหลาย ที่มีการเก็บรวบรวมมาจากภายในประเทศ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ได้ พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันเสาร์และวันหยุดราชการ เวลา 10.00-17.00 น. สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 4271899 วัดปศุปฏินาถ (Pashupatinath Temple) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5 กิโลเมตร ตัววัดสร้างขึ้นมาในสมัยกษัตริย์แห่งราชวงศ์มัลละ เพื่อถวายแด่พระศิวะในภาคขององค์ปศุปฏินาถ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำพัคมาตี (Bagmati River) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไปไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั่นเอง ฉพะหิล (Chabahil) เชื่อกันว่าสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช โดยจารุมะติ (Charumati) ซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นโบราณอยู่รอบๆสถูปด้วย จันทระ วินายก (Chandra Vinayak) วัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถูปฉพะหิลไปทางทิศเหนือประมาณ 200 เมตร วัดแห่งนี้มีหลังคา 2 ชั้น ทำด้วยทองเหลือง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระคเณศ (Lord Ganesh)
เขตชานเมืองกาฐมาณฑุ โคการ์ณะ (Gokarna) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการละเล่นหลวงต่างๆ (Royal Games Sanctuary) มีอีกชื่อหนึ่งว่า สวนซาฟารีโคการ์ณะ (Gokarna Safari Park) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถพบเห็นสัตว์ป่าต่างๆได้ในบริเวณนี้ เช่น กวางลายจุด ทางส่วนเหนือของโคการ์ณะ นั้นมีเจดีย์โคคเณศวร มหาเทพ (Gokarneshwor Mahadev) ตั้งอยู่ สางขุ (Sankhu) เป็นเมืองของชาวเผ่าเนวารี ที่มีอาคารและวัดวาอารามเก่าแก่อยู่มากมาย ด้านหลังของหมู่บ้านมีบันไดหินที่ทอดยาวไปสู่พัชระ โซคินี (Bajra Jogini) ซึ่งเป็นวัดทางประวัติศาสตร์ มองลงมาจากด้านบนจเห็นภาพของวิถีชีวิตพื้นถิ่นที่น่าสนใจ สุนทรีชล (Sundarijal) มีความงดงามในด้านทัศนียภาพ เพราะประกอบไปด้วยน้ำตกตระการตา แก่งและหินรูปทรงแปลกตา จัดได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดี เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจากตัวถนนมากนัก กีรติปุร์ (Kirtipur) เป็นเมืองเล็กๆอยู่บนยอดเขาในหุบเขาการฐมาณฑุ อยู่บนสันเขาทางทิศตะวันตกของแม่น้ำพัคมาตี ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 8 กิโลเมตร โดยมีมหาวิทยาลัยตริภูวัน (Tri-bhuvan University) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของเนปาล ตั้งอยู่ที่ด้านล่างของเมืองกีรติปุร์มีสิ่งต่างๆให้เลือกชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์และวัดที่เก่าแก่หรือบ้านเรือนแบบโบราณ ชาวบ้านที่นี่บางคนยังคงแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมือง และยังสามารถพบเห็นการใช้หูกทอผ้าของชาวบ้านเพื่อส่งไปขายในกาฐมาณฑุด้วย โจภาร์ (Chobhar) ตั้งอยู่ในหุบเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นทางผ่านของลำธารทุกสายบนหุบเขา บนยอดเขามีวัดเล็กๆที่มีภาพวาดอยู่มากมายชื่อว่า วัดอทินาถ (Adinath) ซึ่งสามารถชื่นชมทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เศขา นารายัณ (Shekha Narayan) ตั้งอยู่ระหว่งโจภาร์กับทักษิณกาลี วัดเศขานารายัณ แห่งนี้เป็นตัวแทน 1 ใน 4 นารายัณ (Narayan) ของหุบเขากาฐมาณฑุ ส่วนนารายัณ ทั้ง 3 ที่เหลือ ได้แก่ ฉางคุ นารายัณแห่งภักตะปุร์ (Changu Narayan of Bhaktapur) วิสานขุ นารายัณแห่งปะฏัน (Visankhu Narayan of Patan) และอิฉางคุ นารายัณแห่งกรุงกาฐมาณฑุ (Ichangu Narayan of Kathmandu) ทักษิณกาลี (Dakshinkali) ตั้งอยู่ห่างจากเศขา นารายัณไปทิศทางใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ทักษิณกาลีนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาที่สำคัญองค์หนึ่งของชาวฮินดู นักแสวงบุญต่างๆพากันเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เพื่อสวดอ้อนวอนและทำการสังเวยสัตว์ต่างๆแก่องค์เทพธิดา และที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมอีกด้วย
แหล่งข้อมูลจาก - หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา "เนปาล" หนังสือในเครือเที่ยวรอบโลก |
|
||||||||||
|