ทัวร์อียิปต์ จอร์แดน สองประเทศสุดคุ้ม แกรนด์ 13 วัน 11 คืน

(0)
SKU : ทัวร์อียิปต์ จอร์แดน สองประเทศสุดคุ้ม แกรนด์ 13 วัน 11 คืน
ทัวร์อียิปต์ จอร์แดน แกรนด์ 13 วัน 11 คืน สองประเทศสุดคุ้ม จอร์แดน 4 คืน อียิปต์ 7 คืน รวม ล่องเรือแม่น้ำไนล์ 3 คืน 22 ธ.ค. 68 - 4 ม.ค. 69
฿120,000
฿0
฿120,000
ราคาสมาชิก
 
฿0
ราคาสมาชิก
฿0

ทัวร์อียิปต์ จอร์แดน สองประเทศสุดคุ้ม แกรนด์ 13 วัน 11 คืน

GRAND EGYPT - JORDAN 13 วัน 11 คืน สองประเทศสุดคุ้ม
จอร์แดน : อัมมาน มาดาบา นครเพตรา วาดีรัม ทะเลสาบเดตซี เจอราซ
อียิปต์ : ไคโร อัสวาน ล่องเรือแม่น้ำไนล์ อาบูซิมเบล ลักซอร์
อิยิปต์ 7 คืน / จอร์แดน 4คืน
เดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์
วันเดินทาง:  23 ธันวาคม 2568- 04 มกราคม 2569
เช็กอินคืนวันที่ 22 ธ.ค. 68

 

ดาวน์โหลดโปรแกรม อียิปต์ จอร์แดน PDF 

อัตราค่าบริการ

ผู้ใหญ่ พัก 2 ท่าน 120,000 บาท

พักเดี่ยวเพิ่ม26,500 บาท

**ราคานี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศทุกเส้นทาง ราคาตั๋วเริ่มต้น ประมาณ 42xxx บาท
**ยืนยันการเดินทางขั้นต่ำ จำนวน 10 ท่าน
**แนะนำจองล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วันเผื่อเวลา ทำวีซ่าอียิปต์ที่ใช้เวลาอย่างน้อย 45 วัน

รายละเอียดการเดินทาง:  22 ธ.ค. 68 04 ม.ค. 69

วันเช็กอิน  22 ธ.ค..68:  กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ
22.00 น.  พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4

ประตู 9 Row T เคาท์เตอร์สายการบิน EMIRATES เช็กอินโหลดกระเป๋าสัมภาระ

วันที่หนึ่ง  23 ธ.ค.68:  กรุงเทพฯ ดูไบ - ไคโร ประเทศอียิปต์ -NMEC
01.05 น.  ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ ด้วยเที่ยวบิน EK 385  ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 50นาที บนเครื่องมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ

04.55 น. เดินทางถึงสนามบิน Dubai International Airport กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อบินต่อ ไปยังกรุงไคโร ระยะเวลารอคอยการเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 15นาที

08.10 น.  ออกเดินทางต่อสู่กรุงไคโร ด้วยเที่ยวบินที่ EK 927 ใช้เวลาบิน 4ชั่วโมง 15นาที

10.25 น.  เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ *เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง* หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ จากนั้นเดินทางสู่ตัว เมืองไคโร(Cairo) ซึ่งกรุงไคโรเป็นเมืองหลวงของอิยิปต์ มีประชากรกว่า 10ล้านคน ตั้งอยู่ใกล้สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ได้รับการพัฒนาครั้งแรกในชื่อ Fustat หลังจากการพิชิตอิยิปต์ของชาวมุสลิมในปี 641 เป็นศูนย์กลางชีวิตทางการเมืองและวัฒนธรรมของภูมิภาค จนได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งหอคอยสุเหร่าพันหอ เนื่องจากมีความโดเด่นด้านสถาปัตยกรรมอิสลาม ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของไคโรได้รับมรดกโลกในปี 1979

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 1)

บ่าย  พิพิธภัณฑ์อารยธรรมอียิปต์แห่งชาติ (National Museum of Egyptian Civilization: NMEC) พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มาสู่ยุคฟาโรห์ และยุคเกรโก-โรมัน, ยุคคอปติกและอิสลามิก มาจนถึงยุคโมเดิร์น หรืออียิปต์ในยุคสมัยปัจจุบันไฮไลท์สำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ Royal Mummies Hall ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการจัดแสดงมัมมี่ของกษัตริย์และราชินีแห่งอียิปต์โบราณ บรรยากาศจะเป็นการจำลองมาจากสุสานที่ฝังพระศพจริงที่หุบผากษัตริย์

เย็น   รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 2) หลังอาหารนำท่านเช็คอินเข้าพัก อิสระพักผ่อน

ที่พัก  โรงแรม RADISSON BLU HOTEL CAIRO หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว

  

วันที่สอง  24 ธ.ค. 68: ปิระมิด Spinx-Memphis-Sakara-ไคโร
เช้า  รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
หลังอาหารออกเดินทางไปยังที่ราบสูงกีซ่าเที่ยวชม ปิระมิด (Pyramid) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1979 เป็นที่ตั้งของมหาปิระมิด 3 องค์  ชมและถ่ายภาพมหาสฟิงซ์ (Sphinx) จากนั้นให้ท่านสัมผัสประสบการณ์  ** ขี่อูฐชมวิวโดยรอบ ค่าใช้จ่ายรวมในค่าทัวร์*** 

กรุณาเตรียมทิปคนจูงอูฐ 1$, หากต้องการมุดใต้ปิระมิดกรุณาติดต่อไกด์ท้องถิ่นหรือหัวหน้าทัวร์ ค่าใช้จ่ายไม่รวมในค่าทัวร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวที่แคบและมีโรคประจำตัว

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 4)

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมมฟิส (Memphis) เข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งเมืองเมมฟิส อันจัดแสดงรูปแกะสลักขนาดยักษ์ ด้วยหินแกรนิตสีชมพูจากเมืองอัสวานของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ซึ่งมีพระพักตร์อันงดงาม ซึ่งสลักด้วยช่างฝีมือชั้นเยี่ยมไว้ในอาคารโปร่ง สูง 10 เมตร  จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองโบราณที่ใกล้กันอีกเมืองคือ ซัคคาร่า (Sakkara) เพื่อชม ปิระมิดขั้นบันได (Step Pyramids)

เย็น  รับประทานอาหารค่ำ (มื้อที่ 5)

ที่พัก โรงแรม RADISSON BLU HOTEL CAIRO หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว
 
 
วันที่สาม  25 ธ.ค. 68: ไคโร-อัสวาน-เสาหินโอเบลิก-ไฮด์แดม-วิหารฟิเลย์-เรือใบโบราณ
เช้า  รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง (มื้อที่ 6) เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสนามบิน
 
ออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเมืองไคโรประเทศอียิปต์ เพื่อบินสู่ เมืองอัสวาน (Aswan)

06.10 น.  ออกเดินทางโดยสายการบิน Egypt Air เที่ยวบินที่  MS 82 ใช้เวลาบิน 1ชั่วโมง 25นาที

07.35 น.  เดินทางถึงสนามบินอัสวาน รับสัมภาระ นำท่านชมแหล่งหินแร่แกรนิตที่เก่าแก่และเสาหินโอเบลิก (The Unfinished Obelisk) ที่ยังสร้างไม่เสร็จ หากสร้างเสร็จเมื่อยกขึ้นตั้งจะเป็นเสาโอเบลิกที่สูงที่สุดในอียิปต์ ชม เขื่อนอัสวาน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไฮด์แดม (High Dam) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1960 เพื่อช่วยให้มีน้ำหล่อเลี้ยงไร่นาตลอดปี อีกทั้งยังใช้พลังน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงพอกับความต้องการของคนทั้งประเทศ และเพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำไนล์ไหลท่วมเวลาถึงฤดูน้ำหลาก

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)

บ่าย หลังอาหารนำท่านเดินทางไปยัง วิหารฟิเลย์ (Philae Temple) โดยวิหารนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีไอซิส (Isis) ในอดีตวิหารเคยถูกสร้างขึ้นบนเกาะฟิเลกลางแม่น้ำไนล์ แต่เมื่อเขื่อนอัสวานสร้างเสร็จ วิหารทั้งวิหารก็จมอยู่ใต้ระดับน้ำ นานาชาติจึงเข้ามาช่วยเหลือโดยการสร้างทำนบกั้นน้ำ และย้ายหินทีละก้อน ขึ้นมาสร้างวิหารแห่งใหม่ที่เกาะอากิลเกีย แทนที่ตั้งเดิม จากนั้น ล่องเรือใบโบราณหรือที่เรียกว่า Felucca ชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวเมืองอัสวานสองข้างทาง สมควรแก่เวลานำท่านเช็กอินเข้าสู่ที่พักบนเรือแม่น้ำไนล์

เย็น    รับประทานอาหารค่ำ (มื้อที่ 8)

ที่พัก  พักเรือแม่น้ำไนล์ CROWN EMPEROR CRUISE หรือเทียบเท่า ระดับ 4-5 ดาว
 
 

วันที่สี่  26 ธ.ค. 68: อัสวาน-อาบูซิมเบล-วิหารรามเสสที่ 2
เช้าตรู่  รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง (มื้อที่ 9) เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถยนต์สู่เมืองอาบูซิมเบล (Abu Simble) (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ช.ม)  ชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มหาวิหารรามเสสที่ 2 (Great Temple of Ramses 2) เป็นวิหารที สำคัญ ด้านหน้าวิหารจะมีรูปสลักซึ่งมีพระพักตร์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ตั้งอยู่ 4 องค์ ตรงทางเข้า สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นที่บูชาแด่เทพอามุนรา (Amun Ra) ฮอรากาติ (Horakhati) และสร้างวิหารใกล้เคียงกันสร้างเป็นเกียรติแก่ราชินีเนเฟอร์ตารี (Nefertari) เดิมทีวิหารแห่งนี้ได้จมอยู่ใต้น้ำจากการสร้างเขื่อนอัสวาน ทางยูเนสโกได้ ช่วยกู้วิหารนี้ตามแบบเดิมทุกตารางนิ้วคงสภาพไว้เหมือนเดิม

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 10)

บ่าย  จากนั้นนำท่านเดินทางกลับอัสวาน เพื่อกลับเข้าสู่ที่พักบนเรือแม่น้ำไนล์

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตาคารในเรือ (มื้อที่ 11)
ที่พัก  พักเรือแม่น้ำไนล์ CROWN EMPEROR CRUISE หรือเทียบเท่า ระดับ 4-5 ดาว
 
 

วันที่ห้า  27 ธ.ค. 68: คอมออมโบ-เอ็ดฟู - ลัคซอร์
เช้าตรู่  รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง (มื้อที่ 12) เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เรือออกเดินทางสู่ เมืองคอมออมโบ (Comombo) เมื่อเรือเทียบท่าแล้ว นำท่านชมวิหารคอมออมโบ เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าสององค์คือ เทพโซเบค มีเศียรเป็นจระเข้ วิหารแห่งนี้อยู่ด้านขวามือ ส่วนวิหารทางด้านซ้ายบูชาเทพฮอรัส (Horus) มีเศียรเป็นเหยี่ยว เทพเจ้าแห่งการต่อสู้และความกล้าหาญ ถัดไปจากทางซ้ายมือ จะเห็นบ่อน้ำที่มีปากบ่อเป็นรูปกุญแจโบราณหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Key of life สร้างขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาของคนโบราณเอาไว้ใช้วัดความสูงของแม่น้ำไนล์เพื่อเก็บภาษีประจำปี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเอ็ดฟู(Edfu) นำท่านชม วิหารเอ็ดฟู (Edfu) (เมื่อเรือมาถึงวิหารคณะต้องนั่งรถม้าสู่วิหารประมาณ 10 นาที รถม้า 1 คัน นั่งได้ประมาณ 4 ท่าน) ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิหารที่อิยิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดและเป็นวิหารที่สำคัญรองจากวิหารคาร์นัค วิหารสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าฮอรัส ซึ่งสร้างด้วยหินสีดำ ในสมัยพระนางคลีโอพัตรา เมื่อประมาณ เกือบ 2,000 ปีมาแล้ว นำท่านผ่านชมประตูน้ำอีสน่าล๊อค (Esna Lock) การเปิดประตูน้ำจากระดับน้ำที่สูงกว่าจนถึงการนำเรือลงสู่ระดับน้ำที่ต่ำกว่า

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวันในเรือ (มื้อที่ 13)

บ่าย  เมืองลัคซอร์(Luxor)  วิหารลัคซอร์ (The Temple of Luxor) ซึ่งสร้างถวายแก่เทพอมอน-รา หน้าวิหารมีรูปสลักหินแกรนิตขนาดมหึมาเป็นฟาโรห์รามเซสที่ 2 และมหาราชินีเนเฟอตารี ชมเสาโอบิลิสก์ เสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักด้วยอักษรอียิปต์โบราณ (เฮโรกริฟฟิค)

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำที่ภัตาคารในเรือ (มื้อที่ 14)

ที่พัก  พักเรือแม่น้ำไนล์ CROWN EMPEROR CRUISE หรือเทียบเท่า ระดับ 4-5 ดาว
 
 

วันที่หก  เมืองลัคซอร์ ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก-ไคโร
เช้า  รับประทานอาหารเช้าในเรือ (มื้อที่ 15) เช็คเอ้าท์ออกจากเรือ
ออกเดินทางโดยรถยนต์เพื่อเที่ยวชมเมืองลัคซอร์ ชม เขตเวสต์แบงค์ (West Bank) หรือเมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่นํ้าไนล์ นำท่านเที่ยวชม อนุสาวรีย์แห่งเมมนอน (Colossi of Memnon) รูปสลักหินทรายขนาดใหญ่ 2 รูป มีความสูงถึง 20 เมตรซึ่งสมัยก่อนเป็นวิหารที่ใช้ฝังพระศพของฟาโรห์อเมนโนฟิสที่ 3 แต่เมื่อ 27 ปีก่อนคริสตกาลเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้ตัววิหารทั้งหลังพังลงมา เหลือเพียงรูปสลัก 2 รูป  จากนั้นนำท่านไปชม หุบผากษัตริย์ (Valley of The Kings)  ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของฟาโรห์ 62 พระองค์ แยกตามสุสานต่างๆในบริเวณหุบผา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าผาธีบัน ที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินทรายสีแดง ในแต่ละสุสานต้องใช้การขุดเจาะภูเขาเข้าไปทำเป็นช่องทางลับภายใน จะทำทางเดินเป็นช่วงๆ และทำเป็นห้องสำหรับวางโลงศพ สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของฟาโรห์ ชมความอัศจรรย์ของภาพวาดตามผนังจากสีธรรมชาติที่มีอายุเป็นพันๆปีจากยุคฟาโรห์แต่ยังคงความสวยงามไว้จนถึงยุคปัจจุบันนี้ นำท่านเข้าชม3สุสานที่สวยที่สุดและสมบูรณ์ที่สุด จากนั้นนำท่านชม วิหารเดลบาฮารี  (Deir El Bahari) อนุสรณ์สถานที่ประดิษฐานพระศพของฟาโรห์หญิงฮัปเซปซุท หรือที่รู้จักกันในนามของ ราชินีหนวด เกิดเมื่อ 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ปกครองอิยิปต์เป็นเวลา 22 ปี ทำให้เป็นฟาโรห์หญิงคนเดียวที่ครองราชย์ในอิยิปต์โบราณ ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกคนสนิท เซเนมุท เมื่อกว่า 3,500 ปีมาแล้ว

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตาคารในเรือ(มื้อที่ 16)

บ่าย  นำท่านชม เขตตะวันออก (East Bank) มหาวิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak) เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัววิหารหลังเดียวมีเนื้อที่ถึง 60 เอเคอร์ ซึ่งใหญ่พอที่จะนำโบสถ์ขนาดใหญ่ของยุโรปไปวางได้ถึง10 หลัง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ ทุตโมซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่เทพอมอน-รา เมื่อกว่า 3,600 ปี มาแล้ว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบปิกนิค (มื้อที่ 17) เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสนามบิน 

19.45 น.  ออกเดินทางโดยสายการบิน Egypt Air เที่ยวบินที่ MS 67  ใช้เวลาบิน 1ชั่วโมง 10นาที

20.55 น. เดินทางถึงสนามบินกรุงไคโร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก

ที่พัก โรงแรม RADISSON BLU HOTEL CAIRO หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว
 

วันที่เจ็ด 29 ธ.ค. 68: ไคโร - GEM Khan Market
เช้า  บริการอาหารเช้า (มื้อที่ 18) 
 
นำท่านเยี่ยมชม Grand Egyptian Museum: GEM หรือพิพิธภัณฑ์กีซ่า เป็นพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีที่กำลังก่อสร้างในเมืองกิซ่า จัดแสดงโบราณวัตถุมากกว่า 100,000 ชิ้น จากอารยธรรมอียิปต์โบราณ ครอบคลุมตั้งแต่ยุคก่อนราชวงศ์จนถึงยุคกรีก-โรมัน นำมาจากสถาบันวัฒนธรรมหลายแห่งในอิยิปต์ บนพื้นที่ 81,000 ตร.ม. จัดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่สร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทสำหรับที่ราบสูงกิซ่า หรือที่เรียกว่า Giza 2030 โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2012 ใช้งบประมาณเกือบ 1พันล้านเหรียญดอลลาร์ ประกอบด้วยร้านอาหาร 8 แห่ง ศูนย์อาหาร ห้องปฏิบัติการบูรณธและอนุรักษ์ สวนกลางแจ้ง โรงภาพยนตร์ 3 มิติ ศูนย์ประชุมและร้านขายของที่ระลึก

กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน (มื้อที่ 19)

บ่าย  ตลาดข่าน เอล คาลิลี่ (Khan El Khalili Bazaar) หลากหลายด้วยร้านค้า เครื่องเทศ  เครื่องเงิน, ร้านทอง, เสื้อผ้า

เย็น  บริการอาหารค่ำ (มื้อที่ 20)
ที่พัก  โรงแรม RADISSON BLU HOTEL CAIRO หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว
 
วันที่แปด  30 ธ.ค. 68: ไคโร - อัมมาน- มาดาบา- Mt. Nebo เครัค - เพตรา
เช้าตรู่  นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงไคโร เพื่อบินต่อไปยังกรุงอัมมาน พร้อมäรับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง (มื้อที่ 21)
06.10 น.  ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ด้วยสายการบิน Egypt Air เที่ยวบินที่ MS 719 ใช้เวลาบิน 1ชั่วโมง 20นาที
08.30 น.  เดินทางถึงสนามบิน Queen Alia International Airport กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน จากนั้นเดินทางไปยัง เมืองมาดาบา(Madaba)   เมืองแห่งโมเสค รู้จักกันดีสำหรับภาพโมเสคไบแซนไทน์และเมยยาดอันงดงาม เป็นที่ตั้งของแผนที่โมเสคเยรูซาเล็มและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในศตวรรษที่ 6 มีชื่อเสียงด้วยหินท้องถิ่นสีสันสดใสสองล้านชิ้น เนินเขา หุบเขา หมู่บ้านและเมืองต่างๆจนถึงสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ชม โบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือใจกลางเมือง สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1896 เป็นที่สักการะและแสวงบุญหลักทัวร์จอร์แดน ตกแต่งภายในอย่างโอ่อ่า แนวเสาสง่างามและประดับกระเบื้องโมเสคต่างๆ เป็นสถานที่จัดแสดงแผนที่โมเสคดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตกแต่งด้วยโมเสคกว่า 2.3 ล้านชิ้น จากนั้นนำท่านเดินเท้าขึ้นไปยัง ภูเขา Mount Nebo สูงจากระดับน้ำทะเล 710 เมตร ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงอัมมาน อยู่ใกล้ทะเลสาบเดดซีและแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน มีการสร้างโบสถ์ไว้เพื่อระลึกถึงโมเสสในศตวรรษที่ 4 แต่ถูกทิ้งร้างไปเมื่อ ค.ศ. 1564 และฟื้นฟูใหม่อีกครั้งใน ค.ศ. 1993 โดยสร้างเป็นแบบสมัยใหม่ครอบโบสถ์เดิม ด้านหลังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก จัดแสดงซากหม้อไห เครื่องประดับโบราณ แผ่นกระเบื้องโมเสคที่ได้รับความนิยมในอดีต ระหว่างทางเดินจะพบแท่งหินตั้งอยู่ มีทั้งเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อต้นรับการมาเยือนของพระสันตะปาหาจอห์นปอลที่ 2 ที่เสด็จมาภูเขาเนโบเมื่อปี 2000 ด้านหน้าโบสถ์จะมีไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์สร้างในแบบไม้กางเขนเป็นที่ระลึก มีจุดชมวิวที่มองเห็นฝั่งอิสราเอลพร้อมแผ่นป้ายบอกว่าดินแดนในพระคัมภีร์อยู่ตรงไหนบ้าง เช่น เมืองเจอริโค(Jericho) ใกล้ที่สุดและเมืองเบธเลเฮม(Bethlehem) ที่อยู่ไกลออกไป เป็นต้น
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 22)
 
เมืองเครัค (Kerak) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจอร์แดน เป็นที่รู้จักจากปราสาทเครัคผู้ทำสงครามครูเสด อยู่ห่างจากอัมมาน 140 กม. บนทางหลวง Kings Highway อันเก่าแก่ อยู่บนยอดเขาสูง 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยหุบเขาสามด้าน มีทิวทัศน์ของทะเลเดดซี เที่ยวชม ปราสาทเครัคแห่งครูเสด(Al Karak Castle) เป็นฐานที่มั่นสำหรับสงครามครูเสดระหว่างพวกครูเสดกับกองทัพของซาลาดิน สุลต่านองค์แรกของอียิปต์และซีเรีย หลังจากการสู้รบมาหลายปี ในที่สุดปราสาทก็ถูกกองทัพของศอลาดินโค่นล้ม ยังเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค อีกสองแห่งอยู่ที่ซีเรีย สร้างในศตวรรษที่ 12 ภายใต้กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม Pagan และ Fulk เป็นสถาปัตยกรรมครูเสด ผสมผสานระหว่างการออกแบบของยุโรปตะวันตก ไบแซนไทน์ และอาหรับเข้าด้วยกัน ในยุคแรกของการสร้างปราสาทจะเป็นเพียงหอคอยแต่หลังจากศตวรรษที่ 12 ภัยคุกคามจากชาวมุสลิมทำให้พวกครูเสดปรับปรุงการออกแบบจนเป็นปราสาทที่ใหญ่และแข็งแกร่ง สร้างทางตอนใต้สุดของที่ราบสูง ล้อมรอบด้วยเนินเขาสูงชันสามด้าน มีคูน้ำและกำแพงหินหนาจากภูเขาไฟ สร้างเป็นกำแพงขนาดใหญ่รอบปราสาท ปราสาทแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับของทางเดิน คุก ห้องครัว และโบสถ์ด้านล่างของปราสาทมีพิพิธภัณฑ์โบราณคดี เปิดในปี 2004 จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและโบราณคดีของภูมิภาครอบปราสาท ดินแดนแห่งโมอับ ตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์จนถึงยุคอิสลาม ประวัติครูเสดและมุสลิม เป็นต้น หากฟ้าใสอากาศดีสามารถจะมองเห็นทะเลเดดซีได้จากยอดปราสาท สมควรแก่เวลาออกเดินทางต่อไปยัง นครเพตรา (Petra) ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเพตราคือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวลึกลับในหุบเขาวาดีมูซา ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเดดซีกับอ่าวอัคบาในจอร์แดน แต่เดิมคือนครแห่งการค้าที่มีขนาดใหญ่ แต่ต่อมาถูกละทิ้งนานกว่า 700 ปี จนโยฮัน ลูทวิช บวร์คฮาร์ท นักสำรวจชาวสวิสเซอร์แลนด์เดินทางผ่านมาพบเมื่อปี ค.ศ. 1812 ได้รับบันทึกเป็นมรดกโลกของUNESCO ปี ค.ศ. 1985 พร้อมอธิบายว่า "เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ" และในวันที่ 7 ก.ค. 2550 ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

เย็น  รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 23)

ที่พัก  โรงแรม PETRA MOON HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว

 

วันที่เก้า  31 ธ.ค. 68:  นครเพตรา เต็มวัน
เช้าตรู่  รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 24) หลังอาหารนำท่านเดินทางเที่ยวชมนครเพตรา **ทางทัวร์ได้จัดให้ท่านนั่งม้าเข้าจากจุดเริ่มเดินไปยัง SIQ (รวมในค่าบริการแล้ว ทั้งนี้โปรดเตรียมค่าทิปให้แก่คนจูงม้าท่านละ 5 JOD/ท่าน/เที่ยว แต่ไม่รวมค่านั่งอูฐ/ลา/รถม้าเที่ยวชมรอบเพตรา  แนะนำให้เตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วย)** นั่งลัดเลาะไปตามพื้นหินและทรายระยะทาง 800 เมตร เพื่อไปยังทางเข้าออกของนครเพตรา จากนั้นเดินเท้าต่อ หรือจะเลือกขี่อูฐ / นั่งรถกอล์ฟเข้าไปก็ได้ แต่ค่าใช้จ่ายไม่รวมในค่าทัวร์ ผ่านหุบเขาแคบๆ มืดๆ ในบริเวณที่มีความกว้างเพียง 3-4 ม. (1013 ฟุต) หุบเขาสูงราว 250 ฟุต เรียกว่า ซิก (Siq) ซึ่งเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาตามธรรมชาติที่เกิดจากรอยแยกลึกในหินทราย ทำหน้าที่เป็นทางน้ำไหลลงสู่ Wadi Musa จะได้เห็นร่องรอยซากปรักหักพัง การจัดการชลประทาน การลำเลียงน้ำจากแหล่งน้ำภูเขาเข้าไปยังตัวเมืองได้อย่างน่าทึ่ง รวมไปถึงภาพศิลปะแกะสลักจากภูเขา สุดทางจะเข้าสู่เขตหน้าผาสูงชัน ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์เอล-คาซเนท์ The Treasury Al-Khazneh ซึ่งเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง อินเดียน่าโจนส์ ภาค 3 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า มหาวิหารแกะสลักได้สัดส่วนงดงามจากหินทราย แกะสลักเข้าไปในภูเขาทั้งลูก สูง 40 เมตร กว้าง 28 เมตร เป็นอาคาร 2 ชั้น ประดับด้วยเสาแบบคอรินเทียนและรูปคน มีความวิจิตรงดงามที่สุดในเพตรา ภายในมี 3ห้อง คือห้องโถงใหญ่ตรงกลางและห้องเล็กซ้ายขวา ว่ากันว่าเป็นคลับเก็บสมบัติของฟาโรห์ แต่ภายหลังขุดพบทางเข้าหลุมศพจึงเชื่อว่าเป็นสุสานของกษัตริย์อาเรตัสที่ 4 แห่งบานาเทียนในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เดินชมสุสานต่างๆของชาวนาบาเทียน กษัตริย์ และใกล้กันจะเป็นโรงละครโรมัน สร้างในศตวรรษที่ 1 แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเท่ากัน สร้างโดยชาวนาบาเทียน เดิมทีให้มีที่นั่ง 4,000 ที่นั่ง ต่อมาในสมัยโรมันปกครองได้ต่อเติมสร้างเพิ่มจุคนได้มากถึง 8,500 คน แต่ได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงแผ่นดินไหวปี ค.ศ. 363

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 25)  

หลังอาหารนำท่านเที่ยวชม The Monastery หรือ Ad Deir  โดยจะต้องเดินขึ้นบันไดราว 800 ขั้น ซึ่งที่นี่เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินในเมืองเพตรา สร้างโดยชาวนาบาเทียนในศตวรรษที่ 1 ถูกสร้างตามแบบจำลองของ Khazna อารามแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของใจกลางเมืองเพตรา เดิมทีถูกใช้เป็นที่ประชุมของสมาคมทางศาสนาและเปลี่ยนเป็นโบสถ์ในสมัยไบแซนไทน์ มีไม้กางเขนแกะสลักไว้ที่ผนังด้านหลัง จากตัวอารามสามารถมองเห็นหุบเขาที่สวยงามของ Wadi Araba และช่วงเขาพร้อมๆกับพื้นที่รอบๆเพตรา ส่วนหน้าของอารมตัดด้วยหินสูง 47 เมตร กว้าง 48 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมนาบาเทียนที่งดงาม ผสมผสานระหว่างรูปแบบการก่อสร้างแบบเฮเลนิสติกและเมโสโปเตเมีย สมควรแก่เวลาเดินทางกลับที่พัก

เย็น  รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 26)

ที่พัก  โรงแรม PETRA MOON HOTEL หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว

  


วันที่สิบ  1 ม.ค. 69 : นครเพตรา ทะเลทรายวาดีรัม
เช้า  รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 27) หลังอาหารออกเดินทางสู่นครวาดีรัม(Wadirum) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง นครวาดีรัมหรือรู้จักในชื่อ หุบเขาแห่งดวงจันทร์ เป็นหุบเขาที่ตัดหินทรายและหินแกรนิตทางตอนใต้ของจอร์แดน อยู่ทางตะวันออกของอวาบา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,750 เมตร เป็นที่อยู่อาศัยของวัฒนธรรมมนุษย์มากมายตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์รวมถึงชาวนาบาเทียนทะเลทรายแห่งนี้ยังเคยเป็นฉากในภาพยนตร์ Lawrence of Arabia ในปี 1962 ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจอร์แดน นอกจากนี้ยังมีเรื่อง Aladdin(2019) ฉากการเอาชีวิตรอดในดาวอังคารในเรื่อง The Martian(2015) รวมไปถึง Star Wars อีกทั้งได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มีพื้นที่มากถึง 720 ตร.กม. ผืนทรายแดงอมชมพู จะได้เห็นโตรกผามหึมา ภูเขาหินขนาดยักษ์ ผิวขรุขระสูงทะมึนรอบทิศ ผืนทรายเวิ้งว้างกว้างสุดลูกหูลูกตา จากนั้นนำท่านท่องเที่ยวทะเลทรายวาดีรัมโดยนั่งรถกระบะเปิดหลังคาขับโดยชาวเบดูอิน จะได้เห็นเขาหินขนาดใหญ่มีชื่อว่า Seven Pillars of Wisdom  เดินทางต่อไปยัง Khazali Canyon ชมภาพแกะสลักเก่าแก่ของชาวนาบาเทียนบนผาหินสีดำระหว่างทางเป็นกลุ่มภาพลายกราฟฟิก รูปคนจูงอูฐพร้อมจารึกอักขระวิถีชีวิตเผ่าเร่ร่อน ขับต่อไปท่ามกลางผืนทรายสีแดงกว้างใหญ่บน Red Sand Dune หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า  Al Hasany จากนั้นท่องทะเลทรายกันต่อไปยัง สะพานหิน Little Bridge เดินข้ามซุ้มประตูหิน กว้างประมาณ 4 เมตร สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาทรายสีแดง และมองเห็นภูเขาJabal Rum, Jabal Um Ishrin และ Jabal Khazali ชม สะพานหิน Um Frouth Rock Bridge เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ที่พาดอยู่ระหว่างยอดเขาสองยอด ชาวเบดูอินใช้พื้นที่แห่งนี้ในการเลี้ยงปศุสัตว์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นสะพานหินสูงอันสองรองจากสะพาน Burdah ใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 28) 

เย็น  รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 29)
ที่พัก  แค้มป์ LUXURY RUM MAGIC CAMP BUBBLE หรือเทียบเท่า
 

วันที่สิบเอ็ด  2 ม.ค. 68: วาดีรัม- เดตซี
เช้า  บริการอาหารเช้า (มื้อที่ 30) ที่ห้องอาหาร หลังอาหารออกเดินทางกันต่อไปยัง ทะเลสาบเดดซี(Dead Sea) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งที่นี่เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลกประมาณ 430 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล มีความลึก 304 เมตร มีความยาว 50 กม. กว้าง 15 กม. เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่รอบล้อมจอร์แดนทางตะวันออกและอิสราเอลทางตะวันตก อยู่ในหุบเขา Jordan Rift Valley มีความเค็มมากกว่ามหาสมุทรถึง 9.6 เท่า ความเค็มทำให้พืชและสัตว์ไม่สามารถเจริญได้ ยกเว้นแบคทีเรียและราบางชนิดและมีความหนาแน่นมากทำให้วัตถุลอยเหนือน้ำจึงเป็นทะเลที่ไม่มีวันจม
กลางวัน  อาหารกลางวัน (มื้อที่ 31)
บ่าย  ออกเดินทางกันต่อ ถึงทะเลเดตซี เช็กอินเข้าที่พักและอิสระพักผ่อน เดินเล่น ถ่ายภาพ ลงเล่นน้ำ พอกโคลน (การลงเล่นน้ำในทะเลมีวิธีขั้นตอนการลงเล่นและข้อควรระวังต่างๆ โปรดฟังคำแนะนำจากไกด์ท้องถิ่น)

เย็น  บริการอาหารเย็น (มื้อที่ 32)

ที่พัก  โรงแรม HOLIDAY INN DEAD SEA หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
 



วันที่สิบสอง 3 ม.ค. 69 : เดตซี-เจอราซ-สนามบินอัมมาน
เช้า  บริการอาหารเช้า(มื้อที่ 33) หลังอาหารนำท่านเดินทางต่อสู่ นครเจอราช (Jerash) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง หรือ เมืองพันเสา เป็นที่รู้จักในยุครุ่งเรืองภายใต้ชื่อเกราซา(Gerasa) สันนิษฐานว่าสร้างใน 200-100ปีก่อนคริสตกาล อดีตหัวเมืองเอกของอาณาจักรโรมันที่มีขนาดใหญ่ติด 1ใน 10ของโลก อยู่ทางตอนเหนือของอัมมาน ห่างไป 50 กม. ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเพราะถูกฝังอยู่ใต้ทะเลทรายเป็นเวลานานและมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ได้รับสมญานามว่าเป็น ปอมเปอีแห่งตะวันออก นำท่านเดินเที่ยวชม โบราณสถานเจอราช  ชมซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน(Hadrian Gate) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการเสด็จเยือนของจักรพรรดิเฮเดรียนที่เมืองเจอราชในปี ค.ศ. 129 ชมสนามแข่งม้า ฮิปโปโดรม (Hippodrome) เป็นลานกว้างสำหรับการแข่งม้าในอาณาจักรโรมัน ซึ่ง Hippo ในภาษาโรมันแปลว่า ม้า สนามกีฬาขนาดใหญ่นี้มีความยาว 245 ม. และกว้าง 52 ม. และสามารถรองรับผู้ชมได้ครั้งละ 15,000 คน สำหรับการแข่งรถม้าและกีฬาอื่นๆ วันที่แน่นอนของการก่อสร้างไม่ชัดเจน แต่คาดว่าระหว่างกลางศตวรรษที่สองถึงศตวรรษที่สาม จากนั้นเดินเข้าประตูทางทิศใต้ชม โอวัลพลาซ่า(Oval Forum) สร้างขึ้นราวคริสตศักราช 130 มีขนาด 90 เมตร*80 เมตร ซึ่งสถานที่พบปะชุมนุมของชาวเมือง เป็นลานกว้างรูปวงรี ปูพื้นด้วยหินขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยเสาคอรินเทียนจำนวนมากถึง 56 ต้น เป็นเสาที่มีความหรูหรามากที่สุด รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้โดดเด่นด้วยร่องเสาที่เรียวยาวและหัวเสาบรรจงตกแต่งด้วยลายใบอะแคนทัสเป็นใบสองชั้นแล้วแต่งด้วยดอกไม้และปลายโค้งงอ ชม วิหารเทพีอาร์เทมีส(Temple of Artemis) หรือรู้จักกันในชื่อวิหารเทพีไดอาน่าผู้เป็นเทพธิดาผู้อุปภัมภ์ของเกราซา สร้างเป็นเกียรติให้เธอในศตวรรษที่ 2 ขนาดภายนอก 160*120 เมตร ตัวอาคารสง่างามที่สุดในสมัยโบราณ มีเสา 11 ต้นดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ สร้างเพื่อใช้เป็นสถานที่ทำพิธีบวงสรวงและบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ ชม วิหารเทพซีอุส(Temple of Zeus) เป็นลานศักดิ์สิทธ์สร้างขึ้นในสมัยโรมันตอนต้นราว ค.ศ.162 ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงตระหง่านเหนือเมือง มีบันไดขนาดใหญ่นำไปสู่ลานศักดิ์สิทธิ์ มีเสาขนาด 49 ฟุต สามต้นคาดว่าถูกสร้างขึ้นใหม่ระหว่างการขุดค้นในปี 1982 โรงละครทางทิศใต้(South Theater) สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิโดมิเชียน ระหว่างปีค.ศ. 90-92 โรงละครใต้สามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 3,000 คน ขั้นแรกของเวทีอันวิจิตร ซึ่งเดิมเป็นโครงสร้างสองชั้น ได้รับการบูรณะใหม่และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ความโดดเด่นของโรงละครแห่งนี้คือจุดเสียงสะท้อนอยู่ตรงกลางแค่พูดเบาๆก็ได้ยินทั่วทั้งโรงละคร ชม น้ำพุใจกลางเมือง(Nymphaeum) น้ำพุขนาดมหึมา สร้างเพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา เมื่อปี ค.ศ. 191หลังคาโค้งคอนกรีต ซุ้มทั้งสองชั้นประดับประดาด้วยงานแกะสลัก และเสาคอรินเทียน ชั้นล่างประดับด้วยแผ่นหินอ่อน ตกแต่งด้วยปูนปั้น ที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ดและตกแต่งด้วยเทพต่างๆ จากนั้นเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด(Cardo Road) เป็นถนนสายหลักที่ใช้เดินทางเข้า-ออกเมืองนี้ ระยะทาง 800 เมตรยังคงปรากฏร่องรอยของล้อรถม้า ฝาท่อระบายน้ำ ซุ้มโคมไฟ บ่อน้ำดื่มของม้า
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน (มื้อที่ 34)
บ่าย  เดินทางกลับยังกรุงอัมมาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง เที่ยวชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน(Amman Citadel Archeological) สร้างเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุการณ์ต่างๆรอบเมือง โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศและตึกรามบ้านช่องที่ตั้งบนภูเขาสูง สันนิษฐานว่าสร้างในปี ค.ศ. 161-180 สมัยโรมัน ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา Jebel Al Qala'a สูงเหนือระดับน้ำทะเล 850 เมตร เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ย้อนไปในยุคสำริด โครงสร้างส่วนใหญ่มาจากสมัยโรมัน ไบแซนไทน์และเมยยาด ซากโบราณสถานที่สำคัญได้แก่ วิหารเฮอร์คิวลีส (Temple of Hercules)  ซึ่งสร้างในสมัยโรมันยึดครองป้อมช่วงศตวรรษที่ 2 มุขมีหกเสา สูง 10 เมตร แต่ปัจจุบันมีเพียงสองต้นที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังพบรูปปั้นหินขนาดมหึมาคาดว่าน่าจะเป็นเฮอร์คิวลีส สูงกว่า 12 เมตร แต่ถูกทำลายลงเมื่อคราวแผ่นดินไหวเหลือเพียงแค่สามนิ้ว พระราชวังอุมเมยยาด(Umayyad palace) อาคารโอ่อ่าขนาดใหญ่อาจใช้เป็นอาคารบริหารหรือที่อยู่อาศัยของข้าราชการเมยยาด เป็นสไตล์ไบแซนไทน์ โถงทางเข้าเป็นรูปไม้กางเขนกรีก มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ติดกับพระราชวัง สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 7-8 ส่วนใหญ่ถูกทำลายด้วยแผ่นดินไหว 

เย็น  บริการอาหารค่ำ (มื้อที่ 35)
 
นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงอัมมาน เช็กอินโหลดกระเป๋าที่เค้าเตอร์สายการบิน EMIRATES

วันที่สิบสาม  4 ม.ค. 68: อัมมาน - ดูไบ - กรุงเทพฯ
01.05 น.  ออกเดินทางสู่กรุงดูไบ ด้วยเที่ยวบินที่ EK 906 ใช้เวลาบิน 2ชั่วโมง 55นาที บนเครื่องมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ

06.25 น.  เดินทางถึงสนามบิน Dubai International Airport กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อบินกลับกรุงเทพฯ ระยะเวลารอคอย 3ชั่วโมง 5นาที

09.30 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน EK 372 ใช้เวลาบิน 6ชั่วโมง 10นาที บนเครื่องมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ

18.40 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

หมายเหตุ
โปรแกรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
 

อัตรานี้รวม
-โรงแรมที่พัก 4 ดาว 7 คืน เรือ 3 คืน และ แคมป์ 1 คืน ที่ทะเลทรายวาดีรัม หรือ ตามที่ระบุรายการหรือเทียบเท่า
-ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ
-รถสำหรับนำเที่ยวตามรายการ
-ไกด์ท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และหัวหน้าทัวร์ไทยเดินทางกับคณะ
-ค่าประกันอุบัติเหตุแบบหมู่คณะ เงื่อนไขตามกรรมธรรม์
-ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ และค่าน้ำระหว่างมื้ออาหารเที่ยง-ค่ำ และน้ำดื่มระหว่างวันท่านละ2ขวด/วัน/คน
-ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศชั้นประหยัด สายการบิน Egypt Air (ไคโร-อัสวาน/ลัคซอร์-ไคโร)
-ค่าวีซ่าท่องเที่ยวอียิปต์และจอร์แดน (ยื่นกรุ๊ป)

อัตรานี้ไม่รวม
x ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศกรุงเทพฯ-ไคโร // อัมมาน-กรุงเทพฯ สายการบิน Emirates เริ่ม 37xxx บาท
x ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ไคโร-อัมมาน สายการบิน Egypt Air เริ่มต้น 5,800 บาท
x ค่าพักเดี่ยวเพิ่ม
x ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายนอกเหนือระบุในโปรแกรม
x ค่ายานพาหนะท่องเที่ยวนอกเหนือจากรายการทัวร์ (กรณีผู้เดินทางต้องการชมสถานที่ท่องเที่ยวอิสระหรือรายการเสริม) 
x ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ อาทิเช่น น้ำส้ม เบียร์ วิสกี้ น้ำอัดลม ฯลฯ ที่ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์
x ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% กรณีต้องการใบเสร็จ/ใบกำกับภาษี
x ค่าทิปไกด์ และคนขับรถท้องถิ่น 70 USD /ลูกค้าหนึ่งท่าน

     x ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย 1,300 บาท /ลูกค้าหนึ่งท่าน

     x ค่าเช่าผ้าเช็ดตัวและค่าเช่าตู้ล็อคเกอร์ ที่โรงแรม เดดซี รีสอร์ท แอนด์ สปา

x ค่าทิปยกกระเป๋า, สนามบิน/โรงแรม / เรือ /อูฐ ฯลฯ

x ค่าเข้าห้องน้ำ ที่อียิปต์ ประมาณ 10-20 อียิปต์ปอนด์

x ค่าปรับ สำหรับน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่เกินจากที่ทางสายการบินกำหนดไว้



คะแนนและรีวิวสินค้า
ยังไม่มีคะแนนและรีวิว เป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy